วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อาหารสำหรับกระรอก



อาหารสำหรับลูกกระรอกเล็ก
- นมลูกสัตว์กำพร้า เช่น esbilac petlac โปรโซบี หรืออื่นๆ
- นมแพะ นมถั่วเหลือง
- ซีรีแล็ก รสเริ่มต้น หรือผลไม้รวม
- เกอร์เบอร์ ไฮน์
- กล้วยน้ำว้าบด

* ป้อนด้วยดรอปเปอร์ หรือสลิงค์ ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นให้หุ้มปลายด้วยยางไส้ไก่ เพื่อให้ปากเล็กลง และกันสำลัก



อาหารสำหรับลูกกระรอกอายุ 2-4 เดือน (ในกรณีที่ฟันขึ้นแล้ว)

ยังให้อาหารตามข้างต้นได้ และเริ่มเสริมด้วยผลไม้หลักๆ เช่น กล้วยน้ำว้า แอ็ปเปิ้ล ฝรั่ง เพื่อให้หัดแทะ และเริ่มให้กินอาหารเหลวเหล่านี้เพียวๆได้ เกอร์เบอร์ ไฮน์ ไวตามิคล์ น้ำผลไม้ต่างๆ

อาหารสำหรับกระรอกอายุ 4 เดือนขึ้นไป

- เริ่มลดนม เพิ่มผลไม้ได้หลากหลายขึ้น
- เมล็ดทานตะวัน และคุ๊กกี้วิตามิน เมล็ดธัญพืช
- หนอนนก waxworm จิงหรีด แมงเม่า
- ใบไม้ เปลือกไม้
- ข้าวสวย ข้าวเหนียว ขนมปัง แคร็กเกอร์ cereal ต่างๆ
- น้ำผลไม้ต่างๆ นมถั่วเหลือง นมน้ำธัญพืชต่างๆ
- นมเปรี้ยว และโยเกิร์ต
- เกอร์เบอร์ และไฮน์ หลากหลายรสขึ้น คัสตาร์ด ไอศครีม เต้าหู้
- ผัก เช่น มะเขือเทศ ถั่ว แตงกวา มันต้ม เผือกต้ม ฟักทองต้ม
- ผลไม้เปลือกแข็ง เช่น มะพร้าว เกาลัด วอลนัท แม็กคาเดเมีย เมล็ดของผลไม้ต่างๆ เช่น เงาะ ลำใย มะม่วง ขนุน ลิ้นจี่

***จำไว้ให้ขึ้นใจ ช็อกโกแล็ตเป็นอันตรายต่อสัตว์ทุกประเภท ไม่ดีต่อหัวใจ
*** อย่าลืมตั้งน้ำสะอาดทิ้งไว้ให้เค้าด้วย กระรอกไม่ค่อยกินน้ำ แต่ก้ออย่าให้เค้าขาดน้ำ อย่าให้แต่นมหรือน้ำผลไม้เพียงอย่างเดียว น้ำเปล่าจะช่วยขับของเสียในร่างกายของเค้า

**ถ้าเราเอาใจใส่เค้าด้วยใจจริงเราจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยนะค่ะ ที่ได้ทำให้สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ตัวหนึ่งมีความสุข



การดูแลกระรอก






การดูแลกระรอก

1. รังนอน
กระรอกชอบนอนที่มืดๆ และให้ความอบอุ่นได้ดี ในธรรมชาติกระรอกมักสร้างรังตามโพรงต้นไม้
หรือในลูกมะพร้าว ดังนั้นเราควรหากล่อง ผ้า หรือรัง ที่สามารถให้กระรอกแอบได้
กระรอกไม่ชอบที่แจ้ง และอาจระแวงได้ง่าย

2. อาหาร
การให้อาหารอาจให้ทั้งวัน อาจให้ผลไม้สด หรือธัญพืชต่างๆ ในปัจจุบันด้วยความรีบเร่ง
และหาซื้อผลไม้สดได้ยากมากขึ้น อาหารแห้งบางประเภทจึงเข้ามาแทนที่
ซึ่งการให้อาหารแห้งนั้นต้องฝึกตั้งแต่กระรอกยังอายุน้อยๆ ให้ชินกับการกินอาหารประเภทนี้
ไม่สามารถฝึกตอนโตได้

3. น้ำ

สัตว์ทุกชนิดต้องการน้ำ ในธรรมชาติแม้ว่ากระรอกไม่อาจกินน้ำตามบ่อ หรือคลอง
แต่กระรอกได้น้ำจากผลไม้ที่กิน และน้ำค้างยามเช้า เราควรมีขวดน้ำเล็กๆติดกรงไว้สำหรับกระรอก
โดยเฉพาะกระรอกที่กินอาหารแห้งควรมีน้ำสะอาดไว้เสมอ

4. นิสัยชอบแทะของกระรอก
กระรอกกับการแทะเป็นของคู่กัน เพราะกระรอกเป็นสัตว์ฟันแทะ นิสัยส่วนใหญ่จะแทะ ๆๆ และแทะ
หากกระรอกไม่ได้แทะจะทำให้ฟันยาว ไม่จำเป็นที่จะต้องตัดฟันกระรอก
เพราะไม่ช่วยให้กระรอกเลิกนิสัยแทะ ควรหาไม้แข็งๆ ไว้ให้กระรอกแทะจะดีกว่า

5. การตัดฟัน
เป็นคำถามยอดฮิต ว่าตัดฟันแล้วกระรอกจะไม่กัด เป็นความคิดที่ผิด
กระรอกจะไม่กัดคนให้อาหาร หรือเจ้าของที่เลี้ยงดู ถึงจะตัดฟัน อาจไม่กัดในช่วงสั้นๆ พอฟันขึ้นก็กัดเหมือนเดิม
การตัดฟันอันตรายต่อกระรอกมาก โดยเฉพาะฟันล่าง หากตัดมากไป
กระรอกเล็กตายภายใน 3-5 วัน
กระรอกโต ตายใน 7-10 วัน ใช้ความเข้าใจดูแลเค้าจะดีกว่าค่ะ

6. การเป็นสัด
กระรอกแต่ละสายพันธุ์จะมีช่วงอายุการเป็นสัดต่างกัน และช่วงฤดูก็ต่างกัน
นิสัยช่วงเป็นสัด ตัวเมียจะดุมากกว่าตัวผู้ แต่แม้ว่าจะเป็นสัดกระรอกจะไม่กัดเจ้าของ
หากถูกเลี้ยงมาดีพอ และจะกลับเป็นเช่นเดิมเมื่อายุประมาณ 2 สัปดาห์
กระรอกช่วงเป็นสัดจะขี้หงุดหงิด และดุร้ายกว่าช่วงปกติ ไม่ควให้คนไม่รู้จักมาแหย่
หรือรังแกกระรอกโดยไม่จำเป็นเพราะอาจถูกกัดได้

7. การอาบน้ำ
ลูกกระรอกไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ อาจใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวก็เพียงพอ
ยกเว้นตัวเหนียวมาก อาจอาบน้ำให้ลูกกระรอก อย่าให้น้ำเข้าหูและจมูก
จากนั้นเช็ดตัว และใช้ไดท์เป่าตัวให้แห้ง ย้ำแห้ง หากตัวชื้นลูกกระรอกอาจเป็นหวัดค่ะ
ส่วนกระรอกโต อาจอาบน้ำเมื่อตัวสกปรก การอาบน้ำเหมือนกระรอกเล็กคือ
อย่าให้น้ำเข้าหูและจมูก เช็ดตัว และใช้ไดท์เป่าให้แห้ง

8. การใส่โซ่
ควรใส่โซ่ตั้งแต่กระรอกอายุน้อยๆ เพราะลูกกระรอกจะยอมใส่ได้ง่าย
และชินกับการใส่โซ่ได้ง่ายกว่า เมื่อกระรอกโตขึ้นจึงค่อยเปลี่ยนโซ่
เพื่อให้พอดีกับขนาดคอของกระรอก ส่วนใหญ่กระรอกที่ไม่เคยใส่โซ่เลย
จนถึงโต จะไม่ยอมใส่โซ่ และแสดงทีท่ารำคาญเมื่อถูกใส่โซ่
สำหรับกระรอกขนาดกลางขึ้นไปควรใช้โซ่สเตนเลส หรือโซ่ทองแดงเคลือบ
เพราะทนต่อการกระตุกมากกว่า โซ่กระรอกสีทั่วไปไม่สาสมารถต้านทานแรงกระตุกของกระรอกได้
หรือขาดเมื่อกระรอกกัดแทะ

กระรอก



กระรอก (อังกฤษ: Squirrel, วงศ์: Sciuridae) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนาดลำตัวเล็ก ขนปุยปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย นัยน์ตากลมดำ หางเป็นพวงฟู จัดอยู่ในประเภทสัตว์ฟันแทะ

กระรอกอาจแบ่งได้เป็น 3 พวกใหญ่ ๆ ได้แก่
กระรอกต้นไม้ (tree squirrels)


กระรอกดิน (ground squirrels)


และ กระรอกบิน (flying squirrels)


วงศ์กระรอกมี วงศ์ย่อย 2 วงศ์ คือ Pteromyinae ได้แก่ กระรอกบิน และวงศ์ Sciurinae ได้แก่ กระรอกต้นไม้, กระรอกดิน, ชิพมั้งค์

กระรอกต้นไม้ เป็นกระรอกที่มักพบเห็นได้บ่อยและคุ้นเคยกันดี มีหางยาวเป็นพวงสวยงาม มีกรงเล็บแหลมคม และมีใบหูใหญ่ บางชนิดมีปอยขนที่หู ส่วนกระรอกบินนั้น จะมีพังผืดข้างลำตัว สำหรับกางเพื่อร่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง มักเป็นหากินในตอนกลางคืน มีตาสะท้อนแสงไฟ กระรอกดิน มักจะมีรูปร่างสั้น และล่ำสันกว่ากระรอกต้นไม้ มีขาหน้าแข็งแรงใช้สำหรับการขุดดิน หางของกระรอกดินนั้นจะสั้นกว่าหางของกระรอกต้นไม้ และไม่ฟูเป็นพวงนัก และเช่นเดียวกับสัตว์ฟันกัดแทะชนิดอื่น ๆ กระรอกจะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้ว และ นิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้ว ตรงส่วนที่น่าจะเป็นนิ้วโป้งจะกลายเป็นปุ่มนูน ๆ ซึ่งถูกพัฒนาให้เหมาะสำหรับจับอาหารมาแทะ

กระรอกมีขนาดใหญ่เล็กต่าง ๆ กันไปตามสายพันธุ์ และสามารถแบ่งตามขนาดได้ 3 กลุ่ม คือ ขนาดใหญ่ เช่น พญากระรอก ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยพบอยู่เพียง 2 ชนิด คือ พญากระรอกดำ (Ratufa bicolor) และพญากระรอกเหลือง (R. affinis) ซึ่งได้ถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ขนาดกลาง เช่น กระรอกหลากสี (Callosciurus finlaysoni) กระจ้อน (Menetes berdmorei) และ ขนาดเล็ก เช่น กระเล็น (กระถิก) (Tamiops spp.) ซึ่งเป็นกระรอกที่เล็กที่สุดที่พบในประเทศไทย






กระรอกเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวมาก อาหารของกระรอกคือ ผลไม้ และ เมล็ดพืช เป็นหลัก แต่กระรอกก็ยังชอบกินแมลงด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกระรอกขนาดใหญ่อย่างพญากระรอก นั้นบางครั้งก็ยังกินไข่นกเป็นอาหารอีกด้วย

ด้วยความน่ารักของกระรอก ทำให้กระรอกหลายชนิดนิยมเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ เพื่อความเพลิดเพลิน